ที่โตเกียว Toyota Motor Corporation (TMC) ได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือระดับองค์กรโลกกับ World Wide Fund for Nature (WWF) ซึ่งมีส่วนร่วมในการมอบเงินประจำปีเป็นจำนวน 1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อสนับสนุนการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โตโยต้าเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกและเป็นบริษัทญี่ปุ่นแห่งแรกที่ลงนามข้อตกลงดังกล่าว ข้อตกลงนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2016
การร่วมมือกับ WWF เป็นความคิดริเริ่มภายใต้ 1 ใน 6 สิ่งท้าทายของ Toyota Environmental Challenge 2050ซึ่งเป็นการสร้างสังคมแห่งอนาคตที่สอดประสานกับธรรมชาติ ความท้าทายนี้เกี่ยวข้องกับการเชื่อมโยงระหว่างกิจกรรมการอนุรักษ์ธรรมชาติภายในบริษัทในเครือโตโยต้ากับโลกและอนาคต
เงิน 1 ล้านเหรียญสหรัฐที่โตโยต้ามอบเป็นประจำทุกปีนั้นถูกนำไปใช้ใน Living Asian Forest Project ของ WWF โครงการ Living Asian Forest Project นี้มุ่งเน้นไปที่การอนุรักษ์ป่าเขตร้อนในพื้นที่ต่าง ๆ และสัตว์ป่าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยโครงการประกอบด้วยการวิจัยทางชีวภาพ การฟื้นฟูป่าและการสนับสนุนการผลิตที่ยั่งยืน และการสรรหาผลิตภัณฑ์จากป่า (เช่น ไม้ เยื่อไม้และกระดาษ น้ำมันปาล์ม และยางธรรมชาติ) และการเข้าร่วมโครงการริเริ่มที่มีเป้าหมายบนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ (Science-based Targets Initiative) ซึ่งมุ่งช่วยเหลือบริษัทต่าง ๆ ในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงภูมิสภาพอากาศ โครงการนี้มีการดำเนินงานในเกาะบอร์เนียว (กาลิมันตัน) และเกาะสุมาตราในอินโดนีเซีย และเขตแม่น้ำโขง ซึ่งครอบคลุมถึงกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ ไทย และเวียดนาม
“เมื่อเราได้เริ่มทำงานในระดับการปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรมเพื่อบรรลุ Toyota Environmental Challenge 2050 นั้น เราตัดสินใจว่าการเข้าร่วมกับองค์กรผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ที่ไม่ใช่องค์กรของภาครัฐนั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง” Didier Leroy รองประธานบริหารของโตโยต้า กล่าว “ความร่วมมือของเรา รวมถึงโครงการอย่าง Living Asian Forest Project เป็นวิธีที่มีประสิทธิผลมากที่สุดสำหรับบริษัทอย่างเราในการสร้างผลกระทบเชิงบวกและสร้างความตระหนักรู้แก่บรรดาพนักงาน ผู้จัดหาสินค้าและบริการ และลูกค้า ซึ่งมีความสำคัญต่อการจัดการทรัพยากรที่ยั่งยืน”
“WWF รู้สึกยินดีที่จะเข้าร่วมกับโตโยต้าเพื่อเร่งให้เกิดการดำเนินการที่จำเป็นต่อการป้องกันการเสื่อมของระบบธรรมชาติที่เราทุกคนต้องพึ่งพา ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตราย” Marco Lambertini ผู้อำนวยการทั่วไปของ WWF นานาชาติ กล่าว “เราต้องการองค์กรภาคเอกชนอย่างโตโยต้ามากขึ้น เพื่อก้าวมารับหน้าที่และหาทางแก้ไขสิ่งท้าทายเหล่านี้ เพื่อช่วยให้ความปลอดภัย สุขอนามัย และความยั่งยืนมากขึ้นเป็นจริงได้สำหรับคนรุ่นต่อไปและโลกที่เราอาศัยอยู่”
หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Toyota Environmental Challenge 2050 โปรดดูข้อมูล https://global.toyota/en/sustainability/esg/challenge2050/, และ https://www.wwf.or.jp/campaign/lafp/english/ เกี่ยวกับ Living Asian Forest Project ของ WWF